ทุกครั้งที่มีกระทู้ต่อว่านักท่องเที่ยวจีน ผมเห็นคนเข้ามารุมเสริมแรงกันเต็มไปหมด ซึ่งผมก็เข้าใจนะครับว่าทำไม โดยส่วนใหญ่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนเมื่อมาเมืองไทย
มีหลายคนแชร์ว่า คนไทยเองก็ทำพฤติกรรมไม่เหมาะเวลาเดินทางเหมือนกัน เช่น ที่ญี่ปุ่น ..
ผมขอเสริมด้วยว่า คนอเมริกันหรือฝรั่งหัวทองเองก็ใช่ว่าจะมีมารยาท ตามสนามบินผมเห็นคนพวกนี้นอนพาดเก้าอี้ 3-4 ตัว ผมเจออเมริกันผิวขาวนั่งรถเมลคุยกันเสียงดังลั่นและโยนของข้ามหัวคนไปมา
ส่วนตัวไม่ขอตัดสินว่า พฤติกรรมใดเป็นเรื่องไร้มารยาท แต่แค่อยากให้หลายคนฉุกคิดว่า ที่ด่าว่าพี่จีนบ่อยๆ ว่าเค้าไร้มารยาทนั้น บางครั้งมันอาจเป็นเรื่องปกติของคนที่นั่นก็ได้ ขณะที่บางเรื่อง คนจีนด้วยกันก็รับไม่ได้ (แล้วคนกลุ่มไหนที่ประพฤติแบบนี้ .. เดี๋ยวมีตัวอย่างคนไทยมาเล่าให้ฟังครับ)
ผมไปจีนหลายครั้ง สังเกตเห็นว่า เค้าเดินชนกัน ไม่ค่อยขอโทษกัน และส่วนใหญ่ไม่มีใครติดใจเอาความกับใคร การเบียดกันเป็นเรื่องปกติ (ไม่เบียดนี่ บางทีรอรถไฟ 4 ขบวนยังไม่ได้ขึ้นเลยครับ) ขาก

น้ำลายปกติมาก (แม้รัฐบาลจะรณรงค์)
ขณะเดียวกัน ณ งาน World Expo ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อหลายปีก่อน งานนี้มีคนจีนจากทุกสารทิศมาที่เซี่ยงไฮ้ คนเซี่ยงไฮ้ยังบ่นกับผมเลยว่า "รับไม่ได้" ..
ที่บริเวณโซนจัดงานของไทย ผมเห็นคนจีน "นั่งถ่ายหนัก" และ "นั่งถ่ายเบา" รวม 4 ครั้ง -- ผู้ใหญ่และคนชรา -- ส่วนเด็กนี่เห็นเป็นปกติ นึกสภาพนะครับ ในงานคนเป็นแสน นั่งยองๆ ริมทางเท้า สยองอารมณ์ไม่น้อย ทีมงานไทยเล่าให้ผมฟังว่า มีแทบทุกวัน
ขณะเดียวกันออกจากงานไปเดินในเมือง แถว The Bund ก็เจอพฤติกรรมเดียวกัน รวมแล้วอยู่ที่นั่นราว 1 สัปดาห์ ผมเจอคนถ่ายหนักกลางที่ชุมชน เห็นชัดๆ ถึงหลักฐาน รวมแล้วเกือบ 10 ครั้ง -- คนเซี่ยงไฮ้ก็รับไม่ได้รับ คนจีนที่มีการศึกษาก็รับไม่ได้ -- แต่งาน World Expo ดังกล่าว มีคนจีนมาจากทุกภาค หลายคนไม่รู้ว่า ตนเองต้องทำตัวอย่างไร
-----------------
วันนี้ผมไปถึงสนามหลวงตีห้า ผ่านด่านตรวจชั้นแรกด้วยดี จำนวนคนไม่มาก พอเดินเข้าประตูกลางสนามหลวงฝั่งศาลอาญา เรื่องราวเริ่มชวนหงุดหงิด ผมไม่หงุดหงิด เพราะวันนี้ตั้งใจมากราบพ่อ แต่เห็นหลายคนหงุดหงิด โดยเฉพาะคนกรุงฯ
สถานการณ์ที่พบคือ:
* คนที่มาจากต่างจังหวัด จะแซงหน้าแซงหลัง "ไม่สนใจใคร" ถ้าเดินช้าไม่ทันแถว เพื่อนที่อยู่ด้านหน้า ก็จะเรียกคนที่อยู่ด้านหลังให้ไปอยู่ด้วยกัน ทำให้ขบวนแถวที่ต้องจัดเรียงหน้ากระดาน 4 คนบ้าง 3 คนบ้าง ต้องถูกสลับเปลี่ยนตลอดเวลา
* รวมระยะเวลาตั้งแต่ 5.00-8.30 น. (เสร็จเร็วนะครับวันนี้) ผมโดนแทรกแถวจะๆ ตรงหน้าเลยทั้งสิ้น 9 ครั้ง ทุกครั้งเป็นคนต่างกลุ่มกัน มาจากคนละจังหวัด แต่แทรกด้วยเหตุผลเดียวกัน ที่สำคัญทั้ง 9 ครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่คุณป้าจะหันมา "ขอโทษนะจ๊ะ" คือ เค้าทำกันเหมือนเรื่องธรรมดามาก
* เข้าเต้นท์ตัวอักษร ทหารบอกให้นั่งไปเลย นั่งให้เต็ม ก็มี 4-5 คนในละแวกที่มองเห็น สลับที่นั่งกันเป็นเก้าอี้ดนตรี ท้ายสุดมีเก้าอี้ว่างโหว่ตรงกลาง
* บางคนเดินไปหยิบน้ำและข้าวต้มมาทาน .. ทานเสร็จก็ทิ้งไว้ใต้เก้าอี้ในเต้นท์ ทั้งที่ถังขยะนั้นมีอยู่แทบทุกจุด
* ผมโดนเด็กถีบเก้าอี้ 2 ครั้ง หันไปยิ้ม คุณป้ามองหน้าและไม่สนใจอะไร ไร้คำขอโทษ
* พอเจ้าหน้าที่เรียกให้ลุกขึ้น หลายคนรีบเดินแซงไปด้านหน้า ผมโดนชน 3 ครั้ง และโดนเหยียบเท้า 1 ครั้ง ได้รับคำขอโทษ 1 ครั้ง
* พอแถวหยุด ต้องยืนเรียงหน้ากระดาน ก็มีปัญหาแบบเดิมๆ คือ แทนที่จะเรียง 4 บางจุดมี 5 บางจุดมี 3 ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่คอยบอกแทบทุก 10 ก้าว แต่ละคนต้องการจะอยู่กับคนที่มากับตนเอง เดินไปไหนต้องเกาะมือกันตลอด (ส่วนใหญ่คุณป้าคุณน้า .. ) ดังนั้นจึงต้องแทรกคนอื่นในที่สุด โดยระหว่างทางก็มีคนตะโกนด่าว่ากันบ้างบางครั้ง
* เดินข้ามถนนเข้าไปในวัง เจ้าหน้าที่บอกให้งดใช้เสียง ให้เบาๆ หน่อย แต่หลายคนยังคุยกันเสียงดัง เจ้าหน้าที่พูด .. คุณๆ ไม่เคยสนใจ
* ระหว่างเดิน ด้านหลังผม ป้าๆ .. คุยกันเฮฮาเรื่องไม่เหมาะสม
* บางคนเดินผ่านทหารเฝ้ายาม ที่ใบหน้าเคร่งขรึม ก็ไปทำท่าเสือโชว์เล็บ พร้อมร้อง "แฮ่" ใส่เค้า และหัวเราะคิกคัก
* เจ้าหน้าที่บอกให้ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ ผมได้ยินน่าจะเป็น 10 รอบตลอดทาง แต่ก็ยังมีเสียงโทรศัพท์มือถืออยู่ดี
* ฮาสุดของวันนี้ ... ตอนอยู่ในสวนในวัง .. เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากย่ามของคุณยายท่านหนึ่ง เจ้าหน้าที่เดินมาบอกให้ปิดเสียง คุณยายบอกว่า "ปิดแล้ว" แต่เสียงเพลงก็ยังคงดังต่อไป .. ขณะที่รอบข้างเงียบกริบ .. คุณยายไม่มีทีท่าว่าจะปิดเสียง แต่ผมอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อเสียงโทรศัพท์สิ้นสุดลง และคุณยายกล่าวว่า "ก็อุตส่าห์สั่งไว้แล้วว่าไม่ให้โทรมาหาเวลานี้" -- นัยว่า ไม่ปิดเสียง แต่บอกให้คนอื่นอย่าโทรหา .. น่ารักดีครับ
* ตลอดทางผมโดนแซงอยู่เรื่อยๆ แทรกกันตรงหน้าเลย
* เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งในสวน พูดจาเสียงดัง ต่อว่าเจ้าหน้าที่อีกท่านที่นำกาแฟเข้ามาทาน คือ เสียงดังมาก และพูดประมาณว่า "นายคุณ กับนายผม คนละคนกันนะ (นายคุณอาจไม่ว่า แต่นายผมจะว่าผม)" ผมเข้าใจหัวอก แต่ที่จริงสามารถเดินไปบอกกันเบาๆ ได้ เพราะตรงนั้นอยู่ในบริเวณวัง ไม่ต้องเสียงดังก็ได้
* เหตุการณ์ต่อเนื่อง เมื่อมีคนได้ยินการต่อว่า ก็มีคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวหันไปบอก "เอ้า ถ่าย .. จะถ่ายหรือจะเดิน"
* เข้าไปด้านใน หลายคนรับถุงใส่รองเท้าโดยไม่มีคำว่า "ขอบคุณ"
* ก่อนเข้า มีป้ายติดชัดเจนว่า "ห้ามถ่ายภาพ" แต่ผมเห็น 2 คนที่ยังหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรัวๆ แม้เจ้าหน้าที่จะว่าก็ตาม
* ที่จริงตลอดทาง หลายคนถ่ายเซลฟี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ใบหน้าสดใส ราวกับมาเที่ยวทัศนศึกษา (ซึ่งผมไม่ติดอะไร แต่ถ้าอยู่ใกล้บริเวณพิธี ก็ควรสงบขึ้นซักนิด)
* บ้างก็ยืนถ่ายรูปกันระหว่างเดินแถว เพื่อให้ได้วิวที่ต้องการ (วิววัดพระแก้วด้านข้าง) และทำให้แถวด้านหลังติดขัด เจ้าหน้าที่บอกให้เดิน ก็ยังไม่เดิน
* จนไปต่อแถวเตรียมขึ้นกราบ -- ก็ยังมีการสลับสับเปลี่ยนและแทรกแถวกันอยู่ดี ทั้งที่เจ้าหน้าที่ก็คอยพร่ำบอกตลอดทางว่าไม่ต้องแทรกไม่ต้องสลับที่
* เจ้าหน้าที่จัดแถวด้านในเป็น 6 แถว ผมเดินอยู่ดีๆ ก็มีคุณป้าเดินถอยหลัง 3-4 ก้าว แล้วไปซุกอยู่หลังญาติที่มาด้วยกัน .. แถวเบี้ยวทันที
* เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้นั่งลงและเว้นระยะระหว่างกันด้วย จะได้ก้มกราบได้ .. ผมเว้นระยะเรียบร้อย แต่ระหว่างพนมมือ เธอคนนั้นที่นั่งด้านหน้าผม ขยับก้นถอยหลังมาจนติดผม เพื่อที่เธอจะได้มีที่กราบ .. แต่ผม "ไม่มีที่กราบ เพราะติดก้นเธอ"
* ผมกลั้นไม่ให้ร้องไห้ แต่พอเดินลงมาถึงตู้หยอดเงิน น้ำตาไหลพราก -- คนที่หยอดเงินหน้าผม สะกิดอีกคนนึงให้หันมามอง แล้วหัวเราะคิกคัก
* เจ้าหน้าที่บอกให้ไปใส่รองเท้าด้านนอก หลายคนหยุดใส่รองเท้าด้านใน ทำให้คนด้านหลังเดินแล้วต้องหยุดชะงัก
* แถวรับสิ่งของพระราชทาน ก็ยังมีคนแทรกกันให้เห็นอยู่ดี แม้จะเป็นช่วงท้ายสุดแล้วก็ตาม
------------------
ผมนึกหาเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น ก็คิดได้หลายอย่าง บางอย่างชัดเจนว่า คนต่างจังหวัดกลัวพลัดหลงกันมาก ทั้งที่ความจริงมันคงไม่ได้หลงขนาดนั้นถ้าเดินตามๆ กันไป จะห่างกันก็แค่ระดับสายตามองเห็น แต่ผมก็เข้าใจว่า บางท่านอาจไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ส่วนพฤติกรรมอย่างอื่นก็มองๆ ผ่านๆ ไป วันนี้จิตใจจะได้สบาย
ผมไม่ตัดสินใจว่าการกระทำที่เล่ามา เป็นสิ่งที่มี "มารยาท" หรือไม่ .. เพราะนิยามและระดับความมีมารยาทของคนเรา แตกต่างไปตามถิ่นฐาน ชาติกำเนิด สภาพแวดล้อม .. สิ่งที่ไม่ถูกจริตกับตัวเรา ใช่ว่าต้องเป็นสิ่งที่ผิดไปซะทุกอย่าง ..
หันกลับมามองนักท่องเที่ยวจีน -- ถ้าบางคนด่าว่าคนเหล่านั้นด้วยถ้อยคำรุนแรง -- คนไทยเหล่านี้สมควรโดนต่อว่าด้วยหรือไม่
ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผิดคือผิด สิ่งที่ถูกคือถูก และไม่ได้หมายถึงว่า เราจะต่อว่าคนเหล่านั้นไม่ได้หากสิ่งที่กระทำดังกล่าวมันผิด แต่บางเรื่องที่บอกเล่ากัน เช่น คุยเสียงดัง ไม่มีระเบียบ .. บางครั้งมันเป็นพื้นเพของคนเหล่านั้น และผมไม่เห็นว่า มันคือความผิดโดยชัดเจน
4-5 ปีก่อน ผมไปไหว้พระช่วงตรุษจีนที่วัดแถวเสาชิงช้า (ชื่อวัดจำไม่ได้ครับ แต่เป็นวัดที่มีบันไดเดินขึ้นไปสูงๆ และมีพระพุทธรูปทองคำ) รอบวัดด้านบนมีระฆัง และมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นวัยกำลังคะนอง กำลังกระโดดถีบระฆัง !!
ผมเข้าไปเตือน และทางนั้นก็ทำหน้ามึนๆ อาจเพราะฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ
ผมเจอนักท่องเที่ยวจีนที่ประพฤติไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่ถ้ามีโอกาสบอก ก็จะบอก และส่วนใหญ่ก็จะฟัง ยิ้ม และเลิกกระทำ
มีบ้างเช่นที่อังกฤษ นักท่องเที่ยวจีนยืนกลางสี่แยกในออกซ์ฟอร์ด ถ่ายภาพโรงแรมหรือร้านอาหารอะไรไม่ทราบ (แถวพิพิธภัณฑ์) .. กลางสี่แยก โดนบีบแตรแต่ไม่สะเทือน ไม่สนใจ และถ่ายภาพต่อไป
คนเราหลากหลายครับ ในสังคมมีทั้งคนดีคนไม่ดี
กระทู้ก่อนหน้านี้มีเรื่องก่นด่าคนฟิลิปปินส์ ..
บางคนดูถูกชาติรอบข้าง บางทีโดนคนส่วนน้อยกระทำมา ก็เหมาว่า คนทั้งประเทศเค้าต้องเป็นแบบนั้น
ผมไปออสเตรเลียทุกครั้ง ผมเจอฝรั่งปาขวดใส่หรือไม่ก็เดินตรงมาแล้วด่าใส่หน้า .. เจอทุกครั้งครับ (Gold coast, Sydney, Melbourne)
ผมต้องเกลียดหรือก่นด่าคนออสเตรเลียด้วยมั้ย? ผมเชื่อว่า คนกลุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อย
เช่นเดียวกับคนจีน .. จำนวนคนของเค้ามหาศาล คนในสังคมเมืองอย่างปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้นั้น ก็ใช้ชีวิตอย่างนึง คนที่อยู่ไกลออกไปก็อีกแบบนึง
เหมือนคนไต้หวันที่ค่อนข้างสุภาพและสงบกว่าคนจีนแผ่นดินใหญ่ -- คนไม่รู้มารยาทตามนิยามที่เราทึกทักตั้งขึ้นมาก็มีมาก
ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า หากคนเหล่านี้ได้รับการบอกกล่าวถึงสิ่งที่ควรหรือไม่ควรกระทำ .. ส่วนใหญ่ก็จะยอมปรับเปลี่ยนแต่โดยดี (แม้อาจไม่ถูกจริตเค้าบ้างก็ตาม)
นิยาม "มารยาท" - ประนามนักท่องเที่ยวจีน ? สิ่งที่ผมเจอที่สนามหลวงวันนี้ .. คือๆ กัน ?
มีหลายคนแชร์ว่า คนไทยเองก็ทำพฤติกรรมไม่เหมาะเวลาเดินทางเหมือนกัน เช่น ที่ญี่ปุ่น ..
ผมขอเสริมด้วยว่า คนอเมริกันหรือฝรั่งหัวทองเองก็ใช่ว่าจะมีมารยาท ตามสนามบินผมเห็นคนพวกนี้นอนพาดเก้าอี้ 3-4 ตัว ผมเจออเมริกันผิวขาวนั่งรถเมลคุยกันเสียงดังลั่นและโยนของข้ามหัวคนไปมา
ส่วนตัวไม่ขอตัดสินว่า พฤติกรรมใดเป็นเรื่องไร้มารยาท แต่แค่อยากให้หลายคนฉุกคิดว่า ที่ด่าว่าพี่จีนบ่อยๆ ว่าเค้าไร้มารยาทนั้น บางครั้งมันอาจเป็นเรื่องปกติของคนที่นั่นก็ได้ ขณะที่บางเรื่อง คนจีนด้วยกันก็รับไม่ได้ (แล้วคนกลุ่มไหนที่ประพฤติแบบนี้ .. เดี๋ยวมีตัวอย่างคนไทยมาเล่าให้ฟังครับ)
ผมไปจีนหลายครั้ง สังเกตเห็นว่า เค้าเดินชนกัน ไม่ค่อยขอโทษกัน และส่วนใหญ่ไม่มีใครติดใจเอาความกับใคร การเบียดกันเป็นเรื่องปกติ (ไม่เบียดนี่ บางทีรอรถไฟ 4 ขบวนยังไม่ได้ขึ้นเลยครับ) ขาก
ขณะเดียวกัน ณ งาน World Expo ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อหลายปีก่อน งานนี้มีคนจีนจากทุกสารทิศมาที่เซี่ยงไฮ้ คนเซี่ยงไฮ้ยังบ่นกับผมเลยว่า "รับไม่ได้" ..
ที่บริเวณโซนจัดงานของไทย ผมเห็นคนจีน "นั่งถ่ายหนัก" และ "นั่งถ่ายเบา" รวม 4 ครั้ง -- ผู้ใหญ่และคนชรา -- ส่วนเด็กนี่เห็นเป็นปกติ นึกสภาพนะครับ ในงานคนเป็นแสน นั่งยองๆ ริมทางเท้า สยองอารมณ์ไม่น้อย ทีมงานไทยเล่าให้ผมฟังว่า มีแทบทุกวัน
ขณะเดียวกันออกจากงานไปเดินในเมือง แถว The Bund ก็เจอพฤติกรรมเดียวกัน รวมแล้วอยู่ที่นั่นราว 1 สัปดาห์ ผมเจอคนถ่ายหนักกลางที่ชุมชน เห็นชัดๆ ถึงหลักฐาน รวมแล้วเกือบ 10 ครั้ง -- คนเซี่ยงไฮ้ก็รับไม่ได้รับ คนจีนที่มีการศึกษาก็รับไม่ได้ -- แต่งาน World Expo ดังกล่าว มีคนจีนมาจากทุกภาค หลายคนไม่รู้ว่า ตนเองต้องทำตัวอย่างไร
-----------------
วันนี้ผมไปถึงสนามหลวงตีห้า ผ่านด่านตรวจชั้นแรกด้วยดี จำนวนคนไม่มาก พอเดินเข้าประตูกลางสนามหลวงฝั่งศาลอาญา เรื่องราวเริ่มชวนหงุดหงิด ผมไม่หงุดหงิด เพราะวันนี้ตั้งใจมากราบพ่อ แต่เห็นหลายคนหงุดหงิด โดยเฉพาะคนกรุงฯ
สถานการณ์ที่พบคือ:
* คนที่มาจากต่างจังหวัด จะแซงหน้าแซงหลัง "ไม่สนใจใคร" ถ้าเดินช้าไม่ทันแถว เพื่อนที่อยู่ด้านหน้า ก็จะเรียกคนที่อยู่ด้านหลังให้ไปอยู่ด้วยกัน ทำให้ขบวนแถวที่ต้องจัดเรียงหน้ากระดาน 4 คนบ้าง 3 คนบ้าง ต้องถูกสลับเปลี่ยนตลอดเวลา
* รวมระยะเวลาตั้งแต่ 5.00-8.30 น. (เสร็จเร็วนะครับวันนี้) ผมโดนแทรกแถวจะๆ ตรงหน้าเลยทั้งสิ้น 9 ครั้ง ทุกครั้งเป็นคนต่างกลุ่มกัน มาจากคนละจังหวัด แต่แทรกด้วยเหตุผลเดียวกัน ที่สำคัญทั้ง 9 ครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่คุณป้าจะหันมา "ขอโทษนะจ๊ะ" คือ เค้าทำกันเหมือนเรื่องธรรมดามาก
* เข้าเต้นท์ตัวอักษร ทหารบอกให้นั่งไปเลย นั่งให้เต็ม ก็มี 4-5 คนในละแวกที่มองเห็น สลับที่นั่งกันเป็นเก้าอี้ดนตรี ท้ายสุดมีเก้าอี้ว่างโหว่ตรงกลาง
* บางคนเดินไปหยิบน้ำและข้าวต้มมาทาน .. ทานเสร็จก็ทิ้งไว้ใต้เก้าอี้ในเต้นท์ ทั้งที่ถังขยะนั้นมีอยู่แทบทุกจุด
* ผมโดนเด็กถีบเก้าอี้ 2 ครั้ง หันไปยิ้ม คุณป้ามองหน้าและไม่สนใจอะไร ไร้คำขอโทษ
* พอเจ้าหน้าที่เรียกให้ลุกขึ้น หลายคนรีบเดินแซงไปด้านหน้า ผมโดนชน 3 ครั้ง และโดนเหยียบเท้า 1 ครั้ง ได้รับคำขอโทษ 1 ครั้ง
* พอแถวหยุด ต้องยืนเรียงหน้ากระดาน ก็มีปัญหาแบบเดิมๆ คือ แทนที่จะเรียง 4 บางจุดมี 5 บางจุดมี 3 ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่คอยบอกแทบทุก 10 ก้าว แต่ละคนต้องการจะอยู่กับคนที่มากับตนเอง เดินไปไหนต้องเกาะมือกันตลอด (ส่วนใหญ่คุณป้าคุณน้า .. ) ดังนั้นจึงต้องแทรกคนอื่นในที่สุด โดยระหว่างทางก็มีคนตะโกนด่าว่ากันบ้างบางครั้ง
* เดินข้ามถนนเข้าไปในวัง เจ้าหน้าที่บอกให้งดใช้เสียง ให้เบาๆ หน่อย แต่หลายคนยังคุยกันเสียงดัง เจ้าหน้าที่พูด .. คุณๆ ไม่เคยสนใจ
* ระหว่างเดิน ด้านหลังผม ป้าๆ .. คุยกันเฮฮาเรื่องไม่เหมาะสม
* บางคนเดินผ่านทหารเฝ้ายาม ที่ใบหน้าเคร่งขรึม ก็ไปทำท่าเสือโชว์เล็บ พร้อมร้อง "แฮ่" ใส่เค้า และหัวเราะคิกคัก
* เจ้าหน้าที่บอกให้ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ ผมได้ยินน่าจะเป็น 10 รอบตลอดทาง แต่ก็ยังมีเสียงโทรศัพท์มือถืออยู่ดี
* ฮาสุดของวันนี้ ... ตอนอยู่ในสวนในวัง .. เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากย่ามของคุณยายท่านหนึ่ง เจ้าหน้าที่เดินมาบอกให้ปิดเสียง คุณยายบอกว่า "ปิดแล้ว" แต่เสียงเพลงก็ยังคงดังต่อไป .. ขณะที่รอบข้างเงียบกริบ .. คุณยายไม่มีทีท่าว่าจะปิดเสียง แต่ผมอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อเสียงโทรศัพท์สิ้นสุดลง และคุณยายกล่าวว่า "ก็อุตส่าห์สั่งไว้แล้วว่าไม่ให้โทรมาหาเวลานี้" -- นัยว่า ไม่ปิดเสียง แต่บอกให้คนอื่นอย่าโทรหา .. น่ารักดีครับ
* ตลอดทางผมโดนแซงอยู่เรื่อยๆ แทรกกันตรงหน้าเลย
* เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งในสวน พูดจาเสียงดัง ต่อว่าเจ้าหน้าที่อีกท่านที่นำกาแฟเข้ามาทาน คือ เสียงดังมาก และพูดประมาณว่า "นายคุณ กับนายผม คนละคนกันนะ (นายคุณอาจไม่ว่า แต่นายผมจะว่าผม)" ผมเข้าใจหัวอก แต่ที่จริงสามารถเดินไปบอกกันเบาๆ ได้ เพราะตรงนั้นอยู่ในบริเวณวัง ไม่ต้องเสียงดังก็ได้
* เหตุการณ์ต่อเนื่อง เมื่อมีคนได้ยินการต่อว่า ก็มีคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวหันไปบอก "เอ้า ถ่าย .. จะถ่ายหรือจะเดิน"
* เข้าไปด้านใน หลายคนรับถุงใส่รองเท้าโดยไม่มีคำว่า "ขอบคุณ"
* ก่อนเข้า มีป้ายติดชัดเจนว่า "ห้ามถ่ายภาพ" แต่ผมเห็น 2 คนที่ยังหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรัวๆ แม้เจ้าหน้าที่จะว่าก็ตาม
* ที่จริงตลอดทาง หลายคนถ่ายเซลฟี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ใบหน้าสดใส ราวกับมาเที่ยวทัศนศึกษา (ซึ่งผมไม่ติดอะไร แต่ถ้าอยู่ใกล้บริเวณพิธี ก็ควรสงบขึ้นซักนิด)
* บ้างก็ยืนถ่ายรูปกันระหว่างเดินแถว เพื่อให้ได้วิวที่ต้องการ (วิววัดพระแก้วด้านข้าง) และทำให้แถวด้านหลังติดขัด เจ้าหน้าที่บอกให้เดิน ก็ยังไม่เดิน
* จนไปต่อแถวเตรียมขึ้นกราบ -- ก็ยังมีการสลับสับเปลี่ยนและแทรกแถวกันอยู่ดี ทั้งที่เจ้าหน้าที่ก็คอยพร่ำบอกตลอดทางว่าไม่ต้องแทรกไม่ต้องสลับที่
* เจ้าหน้าที่จัดแถวด้านในเป็น 6 แถว ผมเดินอยู่ดีๆ ก็มีคุณป้าเดินถอยหลัง 3-4 ก้าว แล้วไปซุกอยู่หลังญาติที่มาด้วยกัน .. แถวเบี้ยวทันที
* เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้นั่งลงและเว้นระยะระหว่างกันด้วย จะได้ก้มกราบได้ .. ผมเว้นระยะเรียบร้อย แต่ระหว่างพนมมือ เธอคนนั้นที่นั่งด้านหน้าผม ขยับก้นถอยหลังมาจนติดผม เพื่อที่เธอจะได้มีที่กราบ .. แต่ผม "ไม่มีที่กราบ เพราะติดก้นเธอ"
* ผมกลั้นไม่ให้ร้องไห้ แต่พอเดินลงมาถึงตู้หยอดเงิน น้ำตาไหลพราก -- คนที่หยอดเงินหน้าผม สะกิดอีกคนนึงให้หันมามอง แล้วหัวเราะคิกคัก
* เจ้าหน้าที่บอกให้ไปใส่รองเท้าด้านนอก หลายคนหยุดใส่รองเท้าด้านใน ทำให้คนด้านหลังเดินแล้วต้องหยุดชะงัก
* แถวรับสิ่งของพระราชทาน ก็ยังมีคนแทรกกันให้เห็นอยู่ดี แม้จะเป็นช่วงท้ายสุดแล้วก็ตาม
------------------
ผมนึกหาเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น ก็คิดได้หลายอย่าง บางอย่างชัดเจนว่า คนต่างจังหวัดกลัวพลัดหลงกันมาก ทั้งที่ความจริงมันคงไม่ได้หลงขนาดนั้นถ้าเดินตามๆ กันไป จะห่างกันก็แค่ระดับสายตามองเห็น แต่ผมก็เข้าใจว่า บางท่านอาจไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ส่วนพฤติกรรมอย่างอื่นก็มองๆ ผ่านๆ ไป วันนี้จิตใจจะได้สบาย
ผมไม่ตัดสินใจว่าการกระทำที่เล่ามา เป็นสิ่งที่มี "มารยาท" หรือไม่ .. เพราะนิยามและระดับความมีมารยาทของคนเรา แตกต่างไปตามถิ่นฐาน ชาติกำเนิด สภาพแวดล้อม .. สิ่งที่ไม่ถูกจริตกับตัวเรา ใช่ว่าต้องเป็นสิ่งที่ผิดไปซะทุกอย่าง ..
หันกลับมามองนักท่องเที่ยวจีน -- ถ้าบางคนด่าว่าคนเหล่านั้นด้วยถ้อยคำรุนแรง -- คนไทยเหล่านี้สมควรโดนต่อว่าด้วยหรือไม่
ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผิดคือผิด สิ่งที่ถูกคือถูก และไม่ได้หมายถึงว่า เราจะต่อว่าคนเหล่านั้นไม่ได้หากสิ่งที่กระทำดังกล่าวมันผิด แต่บางเรื่องที่บอกเล่ากัน เช่น คุยเสียงดัง ไม่มีระเบียบ .. บางครั้งมันเป็นพื้นเพของคนเหล่านั้น และผมไม่เห็นว่า มันคือความผิดโดยชัดเจน
4-5 ปีก่อน ผมไปไหว้พระช่วงตรุษจีนที่วัดแถวเสาชิงช้า (ชื่อวัดจำไม่ได้ครับ แต่เป็นวัดที่มีบันไดเดินขึ้นไปสูงๆ และมีพระพุทธรูปทองคำ) รอบวัดด้านบนมีระฆัง และมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นวัยกำลังคะนอง กำลังกระโดดถีบระฆัง !!
ผมเข้าไปเตือน และทางนั้นก็ทำหน้ามึนๆ อาจเพราะฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ
ผมเจอนักท่องเที่ยวจีนที่ประพฤติไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่ถ้ามีโอกาสบอก ก็จะบอก และส่วนใหญ่ก็จะฟัง ยิ้ม และเลิกกระทำ
มีบ้างเช่นที่อังกฤษ นักท่องเที่ยวจีนยืนกลางสี่แยกในออกซ์ฟอร์ด ถ่ายภาพโรงแรมหรือร้านอาหารอะไรไม่ทราบ (แถวพิพิธภัณฑ์) .. กลางสี่แยก โดนบีบแตรแต่ไม่สะเทือน ไม่สนใจ และถ่ายภาพต่อไป
คนเราหลากหลายครับ ในสังคมมีทั้งคนดีคนไม่ดี
กระทู้ก่อนหน้านี้มีเรื่องก่นด่าคนฟิลิปปินส์ ..
บางคนดูถูกชาติรอบข้าง บางทีโดนคนส่วนน้อยกระทำมา ก็เหมาว่า คนทั้งประเทศเค้าต้องเป็นแบบนั้น
ผมไปออสเตรเลียทุกครั้ง ผมเจอฝรั่งปาขวดใส่หรือไม่ก็เดินตรงมาแล้วด่าใส่หน้า .. เจอทุกครั้งครับ (Gold coast, Sydney, Melbourne)
ผมต้องเกลียดหรือก่นด่าคนออสเตรเลียด้วยมั้ย? ผมเชื่อว่า คนกลุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อย
เช่นเดียวกับคนจีน .. จำนวนคนของเค้ามหาศาล คนในสังคมเมืองอย่างปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้นั้น ก็ใช้ชีวิตอย่างนึง คนที่อยู่ไกลออกไปก็อีกแบบนึง
เหมือนคนไต้หวันที่ค่อนข้างสุภาพและสงบกว่าคนจีนแผ่นดินใหญ่ -- คนไม่รู้มารยาทตามนิยามที่เราทึกทักตั้งขึ้นมาก็มีมาก
ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า หากคนเหล่านี้ได้รับการบอกกล่าวถึงสิ่งที่ควรหรือไม่ควรกระทำ .. ส่วนใหญ่ก็จะยอมปรับเปลี่ยนแต่โดยดี (แม้อาจไม่ถูกจริตเค้าบ้างก็ตาม)